แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันที่ผ่าตัดตา 2 ชั้น

 หลังจากโอนจ่ายเงินมัดจำไป 5000 บาท

ก็ถึงวันที่นัดผ่าตัด ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว (กลัวว่าจะออกมาดีมั้ย ฯลฯ) 

เขาก็มีสัมภาษณ์เพื่อที่จะได้เอาไปรีวิวต่อ ซึ่งถ้าเรายินยอมให้เอาไปรีวิวต่อ ก็จะได้ราคาที่ถูกลงอีก (นิดนึง)

ก็สัมภาษณ์ ๆ จากนั้นก็ไปล้างหน้า  เจอคุณหมอ คุณหมอก็จะประเมินว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ที่เราทำก็จะมี

ตาสองชั้นกรีดยาว

แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

จัดเรียงไขมันเบ้าตา/ร่องน้ำตา

ยกกระชับหางตา

Botox ฟิกซ์คิ้ว

ราคาทั้งหมด 72,000 บาท มัดจำแล้ว 5000 บาท ก็จ่ายส่วนที่เพิ่ม 67,000 บาท (โอนเงินสด เพราะถ้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต จะต้องจ่าย 69,000 บาท)

พอจ่ายเงินเสร็จก็ถึงเวลา คือบอกตรง ๆ เจ็บ + กลัว คือคิดเลย ถ้าเรามีตาสวย ๆ ไม่มีปัญหาอะไรคือไม่อยากศัลยกรรมเลย มันกลัวมาก แล้วก็เสียวมาก

ถามว่าคุณหมอมือเบามั้ย ก็เบานะ แต่ด้วยความกลัวไง เพราะเกี่ยวกับตา การมองเห็นอ่ะ  เขาก็ใส่ยาชาให้นะ แต่จะรู้สึกตัวตลอด มีเสียงกริบ ๆ เสียงตัดอะไร มีกลิ่นไหม้ ๆ น่าจะทำอะไรตามวิธีการของคุณหมออ่ะนะ 

จาก 16.00 เสร็จทุกขั้นตอนรวมประคบเย็น + ฉีดโบท็อกซ์ จุดที่คุณหมอฉีดก็บริเวณหน้าผาก มีตรงข้าง ๆ แล้วก็กลางเลย (จุด 2 จุดเล็ก ๆ ที่กลางหน้าผากคือจุดที่ฉีด)   ก็ 18.00 ได้ 

หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูป สัมภาษณ์ความรู้สึก แล้วก็ลงไปรับยา + วิธีการดูแลตัวเอง แล้วก็ถุงยา แล้วคุณหมอก็บอกให้อัพรูปมาให้ดูทุกวัน 1 อาทิตย์

จากนั้นก็กลับโรงแรม เราจองโรงแรมที่เดินแค่ 5 นาทีถึง สะดวกมาก เพราะไม่อยากให้สามีกับลูกมารอเราที่คลีนิคนาน

หลังจากกลับมาที่โรงแรม  มีเลือดออกจากตา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือเพราะเม็ดไฝที่คุณหมอตัดออกด้วย รีบถามทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่แนะนำให้รีบประคบเย็น แล้วเดี๋ยวเลือดก็จะหยุดไหล

คืออาการค่อยยังชั่วนะ แต่เจ้าลูกชายก็มาไม่สบาย อ๊วกอีก โกลาหลมาก สุดท้ายก็ต้อง Check out ออกจากโรงแรม เรียกรถพยาบาล ก็ออกไปทั้งหน้าตาแบบนี้แหล่ะ 555

วิธีดูแลตัวเอง ก็แจกเป็นเอกสารมาเลย











วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

วิธีรักษาเบอร์มือถือของไทยไว้ + ไว้คอยรับ SMS จากไทยได้ด้วย

 จากคำแนะนำของเพื่อนเรื่องการรักษาเบอร์มือถือไทย + รับ SMS ของไทยได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็เลยทำให้คิดที่จะรักษาเบอร์ที่ซื้อที่สนามบิน แล้วครั้งนี้เบอร์ก็จำง่ายดี เลยตัดสินใจสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์เพิ่มเติม 

เราใช้ของ AIS ขั้นตอนก็ไม่มีอะไร ก็คือเติมเงิน 10 บาท วันก็อยู่เพิ่ม 30 วัน ถ้าจะให้อยู่เป็นปี ก็เติม 10 บาท 12 ครั้ง ซิมเบอร์นั้นก็ใช้ได้ 30 * 12 = 360 วัน แล้วทำเรืองเปิดโรมมิ่ง กลับญี่ปุ่นก็จะรับ SMS ได้ แต่ถ้าใช้อินเตอร์เน็ทก็จะเสียเงิน เจ้าหน้าที่เลยบอกวิธีโทรปิดอินเตอร์เน็ทให้ พอมาไทยครั้งต่อไป ก็โทรไปเปิดอินเตอร์เน็ท (แต่วิธีนี้เราไม่ได้ใช้ ลืม)

เพื่อนก็แนะนำวิธีมาเพิ่มคือ ให้ 2 หน้าจอนี้เปิด - ปิด สลับกันตอนอยู่ญีปุ่นกับตอนมาไทย 

ก็เป็นอันว่ามีเบอร์ของไทยหล่ะ จำง่าย ถ้าถูกถามเบอร์ไม่ว่าจะติดต่อเรื่องอะไรก็สามารถบอกได้ทันที ที่ผ่านมาจำไม่ได้ เลยบอกเบอร์ของพี่ชายไป คือเป็นการรบกวนพี่ชายอย่างมาก เป็นการติดต่อเรื่องของตัวเองแท้ ๆ แต่กวนเขาตลอด

แล้วอีกอย่างคราวต่อ ๆ ไป ก็ไม่ต้องเสียเวลาซื้อซิมที่สนามบินแล้ว รอคิวนานมาก ๆ ที่สำคัญทำธุรกรรม ลงแอพของธนาคารได้ด้วย 

เครื่องในรูป ซัมซุง Galaxy A22







วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ไปเมืองไทย 27 ธ.ค.- 4 ม.ค. 2017

ช่วงที่กลับไทยช่วงนี้ ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนสักเท่าไหร่ ก็จะมีแค่
ทำธุระส่วนตัว
นัดกินข้าวกับเพื่อน
มีไปร่วมทำบุญที่บ้านเด็กที่พิการ
จับสลากของขวัญกับที่บ้าน กินข้าวกับที่บ้าน มื้อนี้น้องสาวเป็นคนเลี้ยงเพราะได้เงินรางวัลจากการที่แข่งลดน้ำหนักภายในครอบครัว อิ่มกันทั่วหน้า อิอิ
แล้วก็ตัดเค้กวันเกิดคุณพ่อ ขอให้ท่านไม่เจ็บไม่จน อายุมั่นขวัญยืนตลอดไป
พาเจ้าหนูไปสวนสาธารณะสวนรถไฟ เจ้าหนูเหมือนจะชอบที่นี่มาก แต่เสียดายไปสายไปหน่อย กะว่าครั้งต่อไปจะไปอีก แล้วเช่าจักรยานขี่เล่นกัน

จากการมาไทยครั้งนี้เจ้าหนูก็เก็บรองเท้าเองแบบไม่ต้องพูดบอกเลย ประทับใจมาก เลยถ่ายเก็บเป็นที่ระลึก เรียงเองด้วย แต่พอกลับมาญี่ปุ่น เหมือนเดิมต้องพูดหลายครั้งมาก กว่าจะยอมถอด ยอมวางที่วางรองเท้า






วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ของขวัญจับสลากปีใหม่ 2016

ช่วงที่กลับไทย.ก็มีฉลองปีใหม่กับที่บ้าน.แล้วก็จะมีจับสลากกัน. ของก็.100บาทขึ้นไป. เจ้าหนูก็จับกับเขาด้วย. ครอบครัวเราเลยเตรียมของอันนี้

คุณซูจะเป็นรถ
เราจะเป็นกล่องของเล่นเสียบแล้วกระเด้ง
เจ้าหนูเป็นปากกาลบได้คิตตี้+โดราเอมอน


วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ต่อใบขับขี่ไทย 5ปี เป็น 5ปี

หลังจากที่ทำเรื่องเอาชื่อเจ้าหนูเข้าทะเบียนบ้านแล้ว ก็ทานข้าวกับที่บ้าน. เวลาพอมีก็เลยไปทำเรื่องใบขับขี่ด้วยเลย (ยื่นเรื่องได้ถึงบ่าย 2) เราไปที่ขนส่งบางขุนเทียนเพราะคนน่าจะน้อย  แต่เปล่าเลยก็เยอะนั่นแหละ
ไปถึงก็ยื่นบัตรประชาชนพร้อมสำเนา  และใบขับขี่ที่หมดอายุ (ใบขับขี่เราหมดอายุไปแล้ว.2เดือนกว่า )
จากนั้นรอคิวแล้วก็ไปนั่งรอเพื่อทดสอบ  ทดสอบก็ไม่มีอะไรมาก ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอก แต่ก็แอบเสียว ๆ ตื่นเต้นเหมือนกัน  ไม่มีข้อเขียน  พอทดสอบเสร็จก็รอดูวีดีโอ. ตอนนี้แหละ เจ้าหนูเริ่มร้องไห้  คุณซูก็เอาไม่อยู่ เราเลยต้องพาเข้าห้องดูวีดีโอด้วย ตอนแรกเจ้าหน้าจะให้มาใหม่. เราเลยบอกอยู่ญี่ปุ่น  ดีคนในห้องช่วยบอกเจ้าหน้าที่ให้ว่าให้หยวน ๆ  สรุปคือนั่งดูกับเจ้าหนูด้วยเลย.1ชั่วโมงกว่า ๆนานมาก ><
จากนั้นรอถ่ายรูป  รับบัตร.ค่าทำ.605บาท

เอาชื่อเจ้าหนูเข้าทะเบียนบ้านที่ไทย (ต่อ)

ช่วงสิ้นปีก็มีกลับไทย แล้วก็ทำเรื่องเอาชื่อเจ้าหนูเข้าทะเบียนบ้านที่ไทยต่อจากครั้งที่แล้วที่ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยแล้ว
ครั้งนี้ก็จะมีที่เอาไปเพิ่มเติมจะเป็นรูปถ่าย 1นิ้ว 6ใบ (จริงๆ ใช้ 5ใบ) เอกสารต้นฉบับทั้งหมด(เจ้าหน้าที่ดูแค่สูติบัตร.แต่เอาไปเผื่อดีที่สุด) แล้วต่อก็อปปี้แสตมป์ขาเข้าไทยของทั้งเราแล้วก็เจ้าหนู
ในครั้งนี้ก็ต้องพาเจ้าบ้าน (แม่เรา) พยาน (พ่อเรา) ไปด้วย. คุณซูไม่ต้องไปก็ได้
ไปถึงก็เซ็น ๆ เอกสาร  ใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 2ชั่วโมงได้  แล้วก็ได้สำเนา "แบบการขอมีรายการบุคคลในเอกสารการทะเบียนราษฎรฯ" มา  เจ้าหน้าที่ให้แนบติดกับสูติบัตรเลย  แล้วก็ห้ามทำหาย เพราะต้องคัดใหม่  จากนั้นก็บอกว่าพอเจ้าหนูครบ 7ขวบให้ไปทำบัตรประชาชน

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขึ้นเครื่องบินกลับญี่ปุ่นของเจ้าหนู (ณ 1 ขวบ 12 วัน)

ใช้ของ TG 642 ตอนเช็คอินก็มีถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถล็อกที่นั่งไม่ให้คนอื่นมานั่งด้วยได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเต็มหมด เจ้าหน้าที่เสนอเป็นที่แถวหน้าที่สามารถวางเปลนอนได้ ก็เลยเปลี่ยนมา แต่เอาเข้าจริง ๆ เปลนอนก็ใช้ไม่ได้ เพราะเจ้าหนูสูงเกิน 65 เซนแล้ว (แอร์มาถามส่วนสูง น้ำหนัก วันเกิด แล้วก็บอกว่าใช้เปลนอนไม่ได้ เพราะได้ถึง 65 เซน) แล้วทำไมเจ้าหน้าที่เช็คอินไม่บอกตอนนั้นเนอะ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะที่พักแขนก็ดึงขึ้นไม่ได้ เจ้าหนูก็เลยไม่ได้เหยียดขาเลย แต่จริงๆ พอเครื่องออก ที่นั่งว่าง แบบไม่มีคนนั่งเลยก็เหลืออยู่อ่ะ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงบอกว่าเต็ม งง ดีที่ได้แอร์มาถามว่าจะย้ายมั้ย เลยช่วยให้คนที่นั่งกับพวกเราย้ายไปที่นั่งที่วาง ไม่งั้นก็นั่งเบียด ๆ กันไป
แล้วก่อนขึ้นเครื่อง ก็เป็นแบบต้องนั่งรถไปที่เครื่องบิน แล้วก็ขึ้นบันไดขึ้นเครื่อง เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ขึ้นเครื่องในลักษณะแบบนี้

ก่อนขึ้นเครื่องเจ้าหนูก็หลับอยู่แล้ว ก็เลยหลับยาวจนถึงญี่ปุ่นเลย แต่มีตื่นมากินนม 2 ครั้ง แล้วก็หลับต่อ
ข้าวเช้าบนเครื่องไม่ได้กินกันเลย เพราะหลับกันอยู่ คุณซูเลยไม่รับด้วยอีก 1 คน


วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ซื้อกระเป๋าตังค์เป็นเซ็ทคู่ ^0^

คุณซูอยากได้กระเป๋าตังค์ใหม่ + ของเราก็เก่าหนังเริ่มเสียหล่ะ ก็เลยซื้อด้วยเลย
ยี่ห้อนี้ก็ทนดีเหมือนกัน แต่ราคาแพงจากเดิมที่เคยซื้อมาเยอะเลย
ก็ได้รับส่วนลดเพราะคุณซูเป็นคนต่างชาติ 5 เปอร์
+ ใช้คะแนนในบัตรเครคิต ก็ได้รับส่วนลดเพิ่ม
สรุปลดไปเกือบพันบาท ดีใจจังเลย

ใบเล็ก 2,200 บาท
ใบใหญ่ 3,400 บาท
เหลือที่ต้องจ่าย 4,655 บาท



วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขึ้นเครื่องบินไปไทยของเจ้าหนู (ณ 1 ขวบ + 4 วัน)

เครื่องบินที่เราใช้จะเป็นของการบินไทย TG 641 ก่อนหน้าที่เดินทางก็มีโทรไปถามเรื่องอาหารของเจ้าหนู เขาก็จะมีให้เลือกเป็นแบบขวด หรือไม่ก็เป็นเหมือนของผู้ใหญ่แต่สำหรับเด็ก เราเลยเลือกแบบชุดสำหรับเด็ก ปรากฏว่าเจ้าหนูยังกินไม่ได้ เพราะน่าจะเป็นของเด็กโตมากกว่า ดีที่เราเอาอาหารสำหรับเจ้าหนูติดกระเป๋าไปด้วย
ตอนที่มาเช็คอิน เจ้าหน้าที่บริการดีมาก มีการล็อกที่นั่งอีกที่ให้ด้วย (เป็นที่นั่ง 3 3 3) ก็สบายดีเจ้าหนูเลยได้นั่งเล่นบ้าง นอนแบบเหยียดขาเต็มที่ได้ 
ระยะเวลา 6 ชั่วโมงที่เดินทา่งไปไทย เจ้าหนูก็เล่น แล้วก็นอนหลับไปอีก 3 ชั่วโมง มีเปลี่ยนผ้าอ้อมในห้องน้ำ 2 ครั้ง คือตอนเครื่องบินขึ้น กับตอนจะถึงไทย
ของเล่นที่เอาไปก็จะไม่เชิงของเล่นอ่ะนะ ก็จะมีเทปกาว แว่นตา เชือก ถุงเท้า ก็โอเคนะ เจ้าหนูก็สนใจเล่นได้นานพอสมควร


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ของฝากตอนกลับไทย ก.ค. 15 (2)

ของฝากที่เพิ่มเติม
จะมีไม้เท้าพับได้สำหรับแม่เรา + ถุง + ยางสำรอง




ป๊อกกี้ครอบครัวน้องชายฝากซื้อ บอกของญี่ปุ่นอร่อยกว่า


วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เตรียมของไปไทย (ก.ค. 15) สำหรับเจ้าหนู (เรื่องอาหาร)

ถึงเจ้าหนูจะเริ่มกินนู้นนี่ได้มากขึ้น แต่เราก็ยังกังวลอยู่ เพราะค้างที่โรงแรม ก็ไม่สะดวกในเรื่องการทำกับข้าว เลยไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมา + ของว่างนิดหน่อย



หนักเหมือนกัน แต่ก็ต้องขนเอาไป เพื่อความอุ่นใจ


ของฝากตอนกลับไทย ก.ค. 15 (1)

หลังจากไม่ได้กลับไทย 1ปีครึ่ง ไม่รู้ว่าที่ไทยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเนอะ
ตอนนี้ก็ทยอยซื้อของฝากให้ที่บ้าน ให้เพื่อน แต่คงไม่ได้ฝากเยอะเท่าไหร่ เพราะต้องเผื่อที่กระเป๋าสำหรับของของเจ้าหนู

ตอนนี้ที่ซื้อมาแล้วก็จะมี
ของแม่

1. โลชั่น + แป้งทาหน้า



2. โฟมล้างหน้า



 3. โยโกะ ๆ ทาสำหรับปวดไหล่ ฯ


 4. ชาต่าง ๆ






5. วะคะเมะ + ซุปสำเร็จรูป




 ของพ่อ

1. เสื้อโปโล


 ของครอบครัวพี่ชาย พอดีเขาไม่ค่อยฝากซื้ออะไรมาก เลยน้อยเลย






ต่อมาครอบครัวน้องสาว นี่ก็ไม่ค่อยฝากซื้อเท่าไหร่ แต่เราซื้อให้เอง เพราะหลานรุ่น ๆ เดียวกับเจ้าหนูเลย เลยอยากซื้อให้ ^0^





 ต่อมาของครอบครัวน้องชาย นี่ฝากซื้อเยอะหน่อย



แม็กเน็ทติดตู้เย็นนี่ของแถมให้แต่ละครอบครัว






ขนมที่น้องชายฝากซื้อ แต่เราก็ซื้อมาเยอะหน่อย แจกครอบครัวอื่นด้วย
อย่างขนมนี้ น้องชายฝากซื้อตั้ง 100 ซอง เราก็จัดไป + 10 ซองสำหรับครอบครัวพี่ชาย + 10 ซองครอบครัวน้องสาว




ขนมห่อใหญ่นี้ก็น้องชายฝากอีกเช่นกัน เลยซื้ออีก 1 ห่อ สำหรับครอบครัวอื่นด้วย






ของฝากเพื่อนเรากับเพื่อนซู (กล่องแว่นตา เพราะเขาชอบหมีนี้มาก ๆ )





ของฝากลูกพี่ลูกน้อง พอดีเขาคลอดลูกก็เลยซื้อเป็นของขวัญ (ชุดจานชาม ตอนที่ต้องเริ่มอาหารเสริม, กับที่กันน้ำลายสำหรับเป้อุ้มเด็ก)




 ณ วันนี้ก็ซื้อมาเท่านี้ ถ้ามีเพิ่มเดี๋ยวต้องอัพเดท เพราะมาย้อนดูตอนหลัง ช่วยย้อนความทรงจำได้ดีทีเดียว  ^^











วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

23 ก.ค. 56 จัดของฝากสำหรับคนญี่ปุ่น

ของฝากสำหรับเพื่อน ๆ คุณซู กับที่ทำงาน
จะซื้อเป็นแพ็ค แล้วค่อยมาแยก อย่างซื้อมาม่าแบบแพ็ค 10 ซอง หรือ 6 ซอง
ซื้อช็อคโกแลตมา  คุณซูก็จะแยกมาเป็นอย่างนี้เลย
ของส่วนใหญ่จะซื้อที่สนามบิน

ของให้คุณพ่อคุณแม่ซู
กล่องสีขาว ราคา 310 บาท (สุวรรณภูมิ)
กล่องสีน้ำเงิน ราคา 660 เยน (นาริตะ)

 
ของฝากสำหรับญาติซู
มะพร้าว 130 บาท (ร้านชั้น 3 มาบุญครอง)
กล่องช็อคโกแลต   1 แพค มี 3 กล่อง (แถม 1 กล่อง)  ราคาแพคละ 900 บาท (สุวรรณภูมิ)
 
 


สำหรับเพื่อนคนที่ 1
ผลไม้อบแห้ง (ร้านชั้น 3 มาบุญครอง) กล่องละ 100 บาท

 
สำหรับเพื่อนคนที่ 2
 
 
สำหรับคนที่ 3

 
สำหรับคนที่ 4
 
ครีมอาบน้ำ (ด้านขวามือ) (จามจุรีสแควร์)  189 บาท


สำหรับที่ทำงานคุณซู
ไมโล 1 แพค มี 24 ก้อน (Tops)  ราคา  69 บาท

 
 
บุหรี่ 600 บาท กับ 660 บาท มี 2 ราคา  ต่อ 1 กล่องยาว (สุวรรณภูมิ) 
 
 
สบู่ 30 บาท / ก้อน (Tops)

 
สำหรับสำรองไว้
 
Glico PRETZ  รสลาบ   150 บาท/กล่อง  (สุวรรณภูมิ)
 
 
 
 
 
 

23 ก.ค. 56 เดินทางกลับญี่ปุ่น

ตื่นมาตี 2 อาบน้ำ เสร็จแล้วก็ออกจากโรงแรม ยามเรียกรถแท็กซี่ให้ ระหว่างทางคนขับก็ดูแปลก ๆ เดี๋ยวเปิดไฟเลี้ยวซ้ายบ้าง เลี้ยวขวาบ้าง แต่ไม่ได้เลี้ยวนะ เปิดแล้วก็ปิด มีใกล้ถึงสุวรรณภูมิแล้ว ก็ปล่อยคันเร่งกลางทางด่วน ปล่อยรถจอดซะงั้น เรากับคุณซูกลัวมาก ๆ กลัวทั้งคนขับ กับกลัวรถคันหลังชน
โชคดีมากที่เดินทางมาถึงโดยปลอดภัย คงเป็นเพราะยังเช้ามืดอยู่ รถยังไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่อย่างงั้น...

Flight UA 838 จากกรุงเทพฯ 6.00 น. ถึงนาริตะ 14.15 น.

มาถึงก็เช็คอิน กระเป๋าคุณซูประมาณ 22 กิโลนิด ๆ กระเป๋าเรา 23 กิโล นิด ๆ แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้โหลดผ่าน

แล้วก็มาถึงที่เช็คกระเป๋าถือ ของสายการบิน UA เข้มงวดมาก ตรวจตอนนี้ แล้วยังมีตรวจก่อนขึ้นเครื่องอีก 2 ครั้ง ดีที่ไม่มีอะไร เพราะเจ้าหน้าที่มีหยิบ ๆ ครีมทามือขึ้นมาด้วย


พอขึ้นเครื่องปุ๊บ เรากับคุณซูก็หลับปั็บ ครั้งนี้มีฝรั่งผู้หญิงมานั่งข้าง ๆ เราด้วย ก็เลยไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำเลย เพราะเกรงใจเขา

ตื่นมาอีกทีก็อาหารเช้า

 
แล้วก็ของว่างก่อนเครื่องลง
 
 
พอเครื่องจอดก็ไปที่กองตรวจคนเข้าเมือง ครั้งนี้ไม่ต้องกรอกแผ่นเข้าเมืองใหม่ ให้ไปต่อแถวที่ช่อง Re entry แล้วเขาก็จะดึงแผ่นที่แสตมป์ของตอนเดินทางออกออกไป
แต่ว่าจะต้องกรอกใบเหลือง ๆ นี่ จะมีด้านหน้ากับด้านหลัง เหมือนจะเป็นใบสำแดงของ  ของเราคุณซูเป็นคนกรอก ครอบครัวละใบ ยื่นตอนหยิบกระเป๋าแล้วกำลังจะออกไปที่จุดนัดพบของสนามบิน
 
 
 
เราอยากซื้อ Royce คุณซูเลยจอดรถ แล้วก็เข้าไปซื้อที่ตึกออกเดินทาง
พอซื้อเสร็จ ก็มาเจอรายการ [Youは何しに日本へ] ด้วย กำลังสัมภาษณ์คนต่างชาติที่มาญี่ปุ่น
 
 
 
แดดแรงมาก ไม่มีลมเลย ระหว่างทางก็แวะกินซูชิหมุนแถว ๆ นั้น
 
 
แล้วเราก็อาสาคุณซูขับรถกลับ ระหว่างทางเจอฝนตกอีก...
มาถึงบ้านก็จัดของ ซื้อของมาทำกับข้าวแล้วก็เตรียมสำหรับโอะเบนโตะคุณซูวันพรุ่งนี้
 
 
 

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

22 ก.ค. 56 แพลนวันที่ห้าของการกลับไทย (วันซื้อของเตรียมตัวเดินทางกลับ)

วันนี้ตื่นประมาณ 7 โมง ก็ไปกินข้าวเช้าของโรงแรม แล้วก็ออกไปซื้อของก่อน
วันนี้น่าจะใช้ BTS หลายเที่ยว เลยซื้อแบบประเภท 1 วัน ดีกว่า น่าจะประหยัดกว่า
ที่แรกที่เราไปซื้อของก็จะเป็นที่ Silom Complex ไปดูที่ร้าน Oriental Princess ว่าจะไปซื้อ Richly Vitamin E สำหรับทาตัว


แล้วก็ตระกูลเดียวกันสำหรับทามือ


แล้วก็ Enriched Protection & Whitening for body SPF30 ทากันแดด

แต่ไปที่ร้านสาขานี้ หมดทุกอย่าง เศร้า ทำไมขายดีขนาดนั้นเนี่ย หรือว่าไม่ผลิตแล้ว...
เลยไปดูที่ร้านวัตสันต่อ ก็ได้
1. Olay Total Effects 7 in one day cream  5 ขวด
2. Olay Total Effects 7 in one night cream 5 กระปุก
3. โฟมล้างหน้าของ Olay  2 หลอด
4. ครีมทาตัวของนีเวียแบบเป็นหลอด 2 หลอด
5. ไหมขัดฟัน
 
ที่เราต้องซื้อของกลับไปใช้ที่ญี่ปุ่น เพราะเราเป็นคนแพ้ง่าย เลยไม่กล้าเปลี่ยนยี่ห้อ จริง ๆ อยากใช้ของญี่ปุ่นมาก ๆ นะ แต่กลัวแพ้นี่แหล่ะ เฮ้อ
 
จากนั้นก็แวะ Tops ชั้นใต้ดิน ก็ได้ลองกองมาพวงนึง  แล้วก็มังคุดมา 8 ลูก คุณซูชอบมังคุดมาก ตั้งแต่มายังไม่ได้ชิมเลย แล้วก็ได้พวกผงปรุงอาหารของ Lobo แล้วก็ยี่ห้ออื่น ๆ มาพอสมควร   ซื้อล็อตนี้เสร็จก็เอาไปเก็บที่โรงแรมก่อน
กลับมาถึงโรงแรม ก็จัดของที่ซื้อลงกระเป๋าเดินทาง แล้วก็กินผลไม้ที่ซื้อมาก่อน  เสร็จแล้วก็ออกไปช็อปต่อ
ครั้งนี้ก็มาที่มาบุญครองกัน ลองมาแวะร้าน Oriental Princess ของสาขานี้ ก็ไม่มีสำหรับทาตัว  แต่มีสำหรับทามือ แล้วก็กันแดด เลยรีบซื้อเลย ก็จะได้ทามือมา 3 หลอด ทาตัวมา 2 หลอด กับอายไลเนอร์มา 1 แท่ง 
จากนั้นก็แวะกินข้าวกลางวันที่ ฮาจิบังราเมง กัน เราคงกินเผ็ดเกิน ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
 
จากนั้นก็ไปซื้อของสำหรับเพื่อนคนญี่ปุ่น ก็แวะมาที่ร้านขายของแห้ง ผลไม้อบแห้ง ที่อยู่ชั้น 3 ของมาบุญครอง
 
จากนั้นแล้วก็แวะ Tops ของที่นี่ ก็ได้มะม่วงมา 3 ลูก กล้วย  สัปปะรด  มังคุดอีก 8 ลูก แล้วก็ครีม มาม่า แล้วก็อื่น ๆ
 
แล้ก็แวะโตคิว ซื้อเสื้อกับกางเกงให้คุณซู
 
ซื้อเสร็จก็กลับมาเก็บที่โรงแรม
 
ของที่ซื้อมารวม ๆ ประมาณนี้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ซื้อดาวนี่ของไทยมาด้วย เพราะของที่นี่ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่
 
 
 
จากนั้นก็ไปเดินที่สวนลุมพินี เพราะคุณซูยังไม่ล้มเลิกตามหาต้นชะอม สุดท้ายก็ไม่เจอ
 
 
 
 
จากสวนลุมก็ไปจามจุรีสแควร์ ไปซื้อของที่ร้านยา ร้านนี้ถูกเหมือนกัน  แล้วก็กินข้าวที่ฟูจิ
 
 
 
 
 
พอกินเสร็จก็แวะไปทำบุญที่วัดหัวลำโพง คนเยอะมาก เลยไม่ได้ไหว้ด้วยธูป เผาแต่กระดาษ
 
แล้วก็กลับไปที่สีลมต่อ คุณซูอยากนวดไทยมาก ๆ เพราะก่อนมาก็ปวดหลัง ปวดขา
คุณซูเลยพาไปร้านที่อยู่ถนนสุรวงศ์ ร้านอยู่ชั้น 2  คุณซูเลือกนวดแผนไทย 2 ชั่วโมง ส่วนเราก็เลือกนวดเท้า 2 ชั่วโมง รู้สึกดีมากเลย เผลอหลับไปด้วย
 
นวดแผนไทย 2 ชั่วโมง 700 บาท
นวดเท้า 2 ชั่วโมง 810 บาท
 
กลับจากนวดก็ไปซุปเปอร์แถวช่องนนทรี แต่ปิดไปแล้ว กะว่าจะไปซื้อต้มโคล้งสำเร็จรูปซะหน่อย อดเลย
 
กลับมาก็จัดของเตรียมตัวเดินทาง แล้วก็มากินผลไม้ที่ซื้อมาล็อตหลัง จะมีสัปปะรด แล้วก็มังคุดอีก 8 ลูก สัปปะรดอร่อยมากเป็นพันธ์ลูกเล็ก  มังคุดก็หวานอร่อย
 
 
เหลือแต่เปลือก...
 
 
 
ต้องออกจากโรงแรมประมาณตี 3 เราก็ต้องตื่นตี 2 มาอาบน้ำอะไรก่อน
 
วันนี้หลับปุ๋ยเลย เพราะได้ไปนวดมา สบาย